กระดาษปลูกได้(hand-made) เป็นกระดาษที่ทำขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องกระดาษเหลือใช้ที่คนส่วนใหญ่มักใช้แล้วทิ้ง ไม่ได้นำกลับมาใช้ประโยช์ พวกเราจึงได้คิดค้นหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งพวกเราได้นำความรู้จากวิธีการทำกระดาษหลายๆแบบมาประยุกต์ใช้ วิธีแก้ไขปัญหานี้ทุกคนสามารถที่จะแก้ไขเองได้ สามารถที่จะนำไปทำด้วยตัวเองได้ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆที่ทุกคนสามรถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง
วัสดุ/อุปกรณ์ที่ใช้
1.เครื่องปั่น
2.กระดาษที่ใช้แล้ว
3.แม่พิมพ์กระดาษ
4.ฟองน้ำ
5.สีน้ำ(หากต้องการลวดลาย หรือ สีสันของกระดาษ)
6.น้ำเปล่า
7.เมล็ดพืช ( ขนาดเล็ก เช่น ผักชี มะเขือเทศ )
ขั้นตอนการทำกระดาษปลูกได้(hand-made)
1.นำเครื่องปั่น ใส่น้ำสีพร้อมทั้งกระดาษที่ใช้แล้ว(ฉีกกระดาษให้เป็นชิ้นเล็ก)
2.ปั่นเศษกระดาษให้เข้ากันจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
3.เตรียมแม่พิมพ์ พร้อมทั้งใส่เมล็ดพืชลงไปในกระดาษที่ปั่นละเอียดแล้ว
4.เทกระดาษที่ปั่นละเอียดและใส่เมล็ดพืชลงไปแล้วลงในแม่พิมพ์
5.นำฟองน้ำมาซับกระดาษที่เทลงไปให้แห้งและเป็นเนื้อเดียวกัน
6.นำแม่พิมพ์ไปตากให้แห้ง
7.แกะกระดาษออกจากแม่พิมพ์
แค่ 7 ขั้นตอนง่ายนี้ก็จะทำให้เศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วหายไปได้แล้วล่ะ แถมยังได้นำกระดาษแผ่นใหม่นี้ไปใช้งาน เมื่อใช้งานเสร็จก็สามารถที่จะนำมาปลูกได้ด้วยล่ะ เพียงแค่ฉีกกระดาษลงดินแล้วเอาน้ำมารด แค่นี้ก็จะได้ต้นกล้าเล็กๆแล้วล่ะ
อ้างอิง/สามารถศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่.......
www.tcdc.or.th/creativethailand/article/Other/19708
https://th.wikibooks.org/wiki/ขั้นตอนการทำกระดาษสา
www.chiangmaihomeandresort.com/index.php?lay=show&ac=article&Id...
www.guidelanna.com/travel/travel-story/chiangmai/289-sa-paper.html
p-dit.com/2011/01/20/680/
หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
และเราก็ยังมีตัวอย่างงานวิจัยมาให้เพื่อนๆด้วยค่ะ
กระดาษปลูกได้(hand-made)
จัดทำโดย
นางสาว ปิยะดา ทองสา
นางสาว ปิยะวดี แดงน้อย
นางสาวโสรยา กันหาป้อง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ (IS3) ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนน้้าพองศึกษา อ้าเภอน้้าพอง จังหวัดขอนแก่น
ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
บทคัดย่อ
โครงงานวิจัย เรื่อง กระดาษปลูกได้ เป็นโครงงานระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
จัดทำขึ้นเพื่อให้ทุกๆคนได้ตระหนักถึงปริมาณการใช้กระดาษที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปีและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาของกระดาษที่ใช้แล้วให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
และเพิ่มคุณค่าของกระดาษให้เป็นกรดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำกระดาษที่ใช้แล้วมาแปรรูปเป็นกระดาษแผ่นใหม่ที่ใช้แล้วนำไปสร้างประโยชน์
โดยการนำไปปลูกได้
ผลการศึกษาพบว่ากระดาษที่ทำขึ้นนั้นสามารถนำมาใช้ได้จริงและสามารถที่จะนำกระดาษที่ได้
ไปแปรรูปใหม่ในรูปแบบต่างๆได้ เช่น สมุดโน้ต ซึ่งเมื่อใช้งานแล้วสามารถที่จะนำมาปลูกได้
ซึ่งพืชที่ปลูกจากกระดาษปลูกได้นี้จะมีอัตราการเกิดที่ใกล้เคียงกันกับพืชปกติทั่วไปตามท้องตลาด
การศึกษาครั้งนี้ให้ข้อเสนอว่า
เมื่อได้ทำการศึกษาและค้นคว้าวิจัยแล้วเสร็จ
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น นำมาใช้ในการนำกระดาษที่เราใช้แล้วมาทำเป็นกระดาษแผ่นใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้
ซึ่งทุกๆคนสามารถนำไปปฏิบัติ
และนำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ทราบถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้
กิตติกรรมประกาศ
งานวิจัยฉบับนี้ จัดทำขึ้นตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา I20203 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกหัดตัวเองในการนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูลและแหล่งความรู้ต่างๆมาทำงานวิจัย
งานวิจัยฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อันเนื่องมาจากการได้รับความกรุณาจาก
อาจารย์ อาทิตย์ อายุโย อาจารย์ประจำวิชา ผู้ได้สละเวลามาให้ความรู้ คำแนะนำ
คำปรึกษา และตรวจทานแก้ไข จนกระทั่งงานวิจัยฉบับนี้มีความถูกต้องสมบูรณ์
ผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้
ขอบคุณเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจและช่วยกันทำงานวิจัยชิ้นนี้ขึ้นมา
และที่สำคัญขอขอบพระคุณพ่อแม่ที่ได้คอยช่วยเหลือตลอดมา ให้เงินทุนมาทำงานวิจัย
และคอยให้กำลังใจ จนงานวิจัยสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
สุดท้ายนี้ หากขาดตกบกพร่องประการใด คณะผู้จัดทำขออภัยเป็นอย่างสูง มา ณ
ที่นี้ด้วย
และคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างสูงว่างานวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อในเรื่องนี้
คณะผู้จัดทำ
นางสาว ปิยะดา ทองสา
นางสาว ปิยะวดี แดงน้อย
นางสาว โสรยา กันหาป้อง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
บทที่ 1
ที่มาและความสำคัญ
ความเป็นมา
เรามองเห็นกระดาษเหลือใช้
จากการทำงานส่งอาจารย์หรือทำใบงานต่าง
พอส่งแล้วก็ไม่เห็นว่ากระดาษพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไร
และทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย เราจึงตระหนักถึงคุณค่าของกระดาษ เราจึงนำกระดาษใช้แล้วมารีไซเคิลโดยนำมาทำเป็นกระดาษใหม่แล้วใส่เมล็ดพืชที่มีขนาดเล็กลงไปด้วยเมื่อเราใช้กระดาษที่ไซเคิลแล้วยังสามารถนำไปปลูกได้ด้วย
จึงเป็นส่วนหนึ่งในการลดสภาวะโลกร้อนและลดปริมาณกระดาษเหลือใช้
วัตถุประสงค์
1.เพื่อลดปริมาณกระดาษเหลือใช้
2.เพื่อลดสภาวะโลกร้อน
3.เพื่อนำกระดาษที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ปริมาณกระดาษเหลือใช้ที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมีจำนวนน้อยลง
2.ต้นพืชที่ได้จากการนำกระดาษเหลือใช้ที่รีไซเคิลแล้วมาปลูก
3.ผู้ที่ศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์พัฒนาต่อยอดต่อไปอีกได้
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเรื่อง กระดาษปลูกได้
กลุ่มผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
การเตรียมวัตถุดิบ วิธีทำกระดาษสา
ในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ต้องคัดเลือกปอสาที่อ่อนและแก่แยกจากกัน นำไปแช่น้ำประมาณ 3 ชั่วโมงและไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง การแช่น้ำจะทำให้เปลือกปอสาอ่อนตัว จากนั้นนำไปใส่ภาชนะต้ม ใส่โซดาไฟหรือน้ำด่างจากขี้เถ้า เพื่อช่วยให้โครงสร้างของเปลือกปอสาเปื่อยและแยกจากกันเร็วขึ้น ใช้โซดาไฟประมาณ 10-15% อย่าใช้มากไป เพราะอาจไปทำลายเยื่อมากเกินไป ต้มให้ได้นาน 2-3 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อต้มเสร็จแล้ว นำปอสาล้างน้ำจนหมดด่าง
ในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ต้องคัดเลือกปอสาที่อ่อนและแก่แยกจากกัน นำไปแช่น้ำประมาณ 3 ชั่วโมงและไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง การแช่น้ำจะทำให้เปลือกปอสาอ่อนตัว จากนั้นนำไปใส่ภาชนะต้ม ใส่โซดาไฟหรือน้ำด่างจากขี้เถ้า เพื่อช่วยให้โครงสร้างของเปลือกปอสาเปื่อยและแยกจากกันเร็วขึ้น ใช้โซดาไฟประมาณ 10-15% อย่าใช้มากไป เพราะอาจไปทำลายเยื่อมากเกินไป ต้มให้ได้นาน 2-3 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อต้มเสร็จแล้ว นำปอสาล้างน้ำจนหมดด่าง
การทำเป็นเยื่อ วิธีทำกระดาษสา
ต่อมาขั้นที่ 2 การทำเป็นเยื่อ มี 2 วิธี ให้เลือก คือทุบด้วยมือ หรือใช้เครื่องตีเยื่อ ถ้าทุบด้วยมือ ใช้ปอสาหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ต้องทุบนาน 5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เครื่องจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที จากนั้นนำเยื่อไปฟอกไม่ให้ขาวนัก แต่ถ้าชอบขาวๆต้องใช้ผงฟอกสีเข้าช่วย
ต่อมาขั้นที่ 2 การทำเป็นเยื่อ มี 2 วิธี ให้เลือก คือทุบด้วยมือ หรือใช้เครื่องตีเยื่อ ถ้าทุบด้วยมือ ใช้ปอสาหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ต้องทุบนาน 5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เครื่องจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที จากนั้นนำเยื่อไปฟอกไม่ให้ขาวนัก แต่ถ้าชอบขาวๆต้องใช้ผงฟอกสีเข้าช่วย
การทำเป็นกระดาษ วิธีทำกระดาษสา
ขั้นตอนที่ 3 คือ การทำเป็นแผ่นกระดาษ นำเยื่อปอสาใส่ในอ่างหรือภาชนะที่เหมาะสม ใส่น้ำระดับพอเหมาะแล้วใช้ไม้พายคนเยื่อในอ่างให้ทั่ว เพื่อให้เยื่อลอยตัวและกระจายออกจากกันสม่ำเสมอ
ขั้นตอนที่ 3 คือ การทำเป็นแผ่นกระดาษ นำเยื่อปอสาใส่ในอ่างหรือภาชนะที่เหมาะสม ใส่น้ำระดับพอเหมาะแล้วใช้ไม้พายคนเยื่อในอ่างให้ทั่ว เพื่อให้เยื่อลอยตัวและกระจายออกจากกันสม่ำเสมอ
จากนั้นนำแม่พิมพ์สำหรับทำแผ่นกระดาษมาซ้อนเยื่อต่อไป
ส่วนการทำแผ่นมีให้เลือก 2 วิธี คือ
แบบตัก ใช้แม่พิมพ์ลักษณะเป็นตะแกรงไนลอน ขนาด 50 คูณ 60 เซนติเมตร
หรือทำขนาดตามขนาดกระดาษที่ต้องการ ช้อนตักเยื่อเข้าหาตัว
ยกตะแกรงขึ้นตรงๆแล้วเทน้ำออกไปทางด้านหน้าโดยเร็ว จะช่วยให้กระดาษมีความสม่ำเสมอ
แบบแตะ
มักใช้ตะแกรงที่ทำจากผ้าใยบัวหรือผ้ามุ้งที่มีเนื้อละเอียดและใช้วิธีชั่งน้ำหนักของเยื่อเป็นตัวกำหนดความหนาของแผ่นกระดาษ
นำเยื่อใส่ในอ่างน้ำ ใช้มือเกลี่ยกระจายเยื่อบนแผ่นให้สม่ำเสมอขั้นตอนสุดท้ายลอกแผ่นกระดาษ
นำตะแกรงไปตากแดดประมาณ 1-3 ชั่วโมง
กระดาษสาจะแห้งติดกันเป็นแผ่น จึงลอกกระดาษสาออกจากแม่พิมพ์
“Eden’s Paper”
“Eden’s Paper” คือ
กระดาษห่อของขวัญที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลและพิมพ์ลายด้วยสีที่ผลิตจากพืช
โดยปัจจุบันมีลวดลายทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ มะเขือเทศ แครอท บร็อคโคลี พริก และหัวหอม
ความพิเศษของกระดาษห่อของขวัญชนิดนี้อยู่ที่ด้านหลังของกระดาษขนาด 17x27 นิ้วแต่ละแผ่น ซึ่งบุด้วยเยื่อกระดาษบางๆ หลายชั้น และฝังเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดตามลวดลายด้านหน้าไว้อย่างเป็นระเบียบ จำนวน 700 เมล็ดต่อแผ่น เยื่อกระดาษแต่ละชั้นจะยึดติดกันด้วยเทคนิคการทำลายนูนเพื่อไม่ให้เมล็ดหลุดออกจากชั้นกระดาษ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กาวซึ่งไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความพิเศษของกระดาษห่อของขวัญชนิดนี้อยู่ที่ด้านหลังของกระดาษขนาด 17x27 นิ้วแต่ละแผ่น ซึ่งบุด้วยเยื่อกระดาษบางๆ หลายชั้น และฝังเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดตามลวดลายด้านหน้าไว้อย่างเป็นระเบียบ จำนวน 700 เมล็ดต่อแผ่น เยื่อกระดาษแต่ละชั้นจะยึดติดกันด้วยเทคนิคการทำลายนูนเพื่อไม่ให้เมล็ดหลุดออกจากชั้นกระดาษ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กาวซึ่งไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หลังจากที่ของขวัญถูกแกะออกจากห่อ
ผู้รับจึงสามารถนำกระดาษห่อของขวัญฝังลงในดินแล้วรดน้ำ เพื่อที่เยื่อกระดาษจะค่อยๆ
ย่อยสลายตามธรรมชาติ ในขณะที่เมล็ดที่ฝังอยู่ภายในก็จะงอกงามเป็นต้นไม้
ออกผลให้ได้เก็บกินต่อไป ของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษชนิดนี้จึงไม่ใช่แค่ “ของขวัญ” แต่เป็น “ของขวัญที่ห่อด้วยของขวัญ” อีกชั้นหนึ่ง
การเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้แก่ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่เดิมให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีคิดที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มมูลค่าและจุดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์
อายุการเก็บรักษา
อายุการเก็บรักษา ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
|
1. ชนิดของพืช ข้อแตกต่างในเรื่องพันธุกรรม
รูปร่างลักษณะโครงสร้าง และองค์ประกอบ ทางเคมี
ทำให้เมล็ดพืชแต่ละชนิดมีช่วงอายุหรือธรรมชาติที่จะเก็บรักษาไว้ได้ แตกต่างกัน
จัดประเภทกว้าง ๆ ได้เช่น ข้าว ผักกาดหัวและพืชตระกูลแตง จัดเป็น พวกที่สามารถเก็บรักษาได้ดี
ฝ้าย ถั่วเขียว ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวโพด จัดเป็น ระดับปานกลาง
ส่วนพวกตระกูลถั่วมีน้ำมันในเมล็ดสูง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง
รวมทั้งพืชผักบางชนิด เช่น หอมจัดเป็นพวกที่รักษาไว้ได้ยาก นอกจากนี้ ในพืช
ชนิดเดียวกันที่เมล็ดมีขนาดใหญ่เล็กต่างกันไปตามสายพันธุ์ก็จะมีอายุในการเก็บรักษา
ที่แตกต่างกันด้วย
2. ประวัติของเมล็ด เป็นปัจจัยเบื้องต้นที่จะบอกให้ทราบว่าเมล็ดก่อนที่จะเก็บรักษา
นั้นมีสภาพและความเป็นมาอย่างไร อันดับแรกคือระดับความ
งอกและความแข็งแรงเบื้องต้น ซึ่งเป็นปฏิภาคกลับกับความเสื่อม และเป็นผลสะท้อนมาจากการปฏิบัติดูแลในระยะการปลูก-การ
เก็บเกี่ยว จนถึงการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากนั้น เป็นข้อ
ปลีกย่อยที่สังเกตเห็นได้ เช่น มีเมล็ดแตกร้าวเสียหายหรือมีรอย ถลอก
เนื่องจากการนวดหรือการปรังปรุงสภาพ มีความเหี่ยวย่น ของเปลือกเนื่องมาจากเมล็ดถูกฝน
มีโรค แมลงหรือไข่ มีเมล็ดอ่อน สิ่งเจือปน หรือวัชพืช
มีการคลุกสารเคมีในปริมาณสูง หรือมีสีสันหม่นหมองเนื่องจากอายุ
บางกรณีประวัติอาจหมาย รวมไปถึงชนิดของเมล็ด ตามที่ได้แยกกล่าวไว้ในข้อ 1
ซึ่งล้วน แล้วแต่มีผลกระทบต่อสภาพนิเวศน์ในการเก็บรักษาทำให้
คุณภาพและอายุของเมล็ดพันธุ์แปรเปลี่ยนไป โดยปกติการเก็บ
รักษาจะคัดเลือกจากเมล็ดพันธุ์ที่แก่เต็มที่ มีความสมบูรณ์ทาง กายภาพ สะอาด
และมีความงอกเบื้องต้นสูง ซึ่งให้แนวโน้มที่
จะเก็บรักษาไว้ได้ดีกว่าเมล็ดที่ด้อยคุณลักษณะ
3. ความชื้นของเมล็ด เป็นปริมาณน้ำที่มิใช่องค์ประกอบทางเคมีที่สามารถขับออก
จากเมล็ดได้ ถือว่าเป็นตัวแปรในสภาพการเก็บรักษาที่มีความ สำคัญเป็นอันดับแรก
อธิบายได้ว่า เมล็ดที่มีความชื้นสูง จะมีการ
เผาผลาญอาหารสูงเพิ่มภาวะที่เป็นอันตรายกับตัว รวมทั้งชักนำ
ให้โรคและแมลงเข้าทำลายจึงเสื่อมคุณภาพได้รวดเร็วกว่าเมล็ดที่แห้ง
การเก็บรักษาจึงถือหลักการแรกคือทำเมล็ดให้แห้ง โดยยึดกฎที่ใช้ ทั่ว ๆ ไปว่า “การลดความชื้นเมล็ดลง 1% จะทำให้เก็บรักษาได้
นานขึ้นเป็น 2 เท่า” ซึ่งจะใช้ได้ดีเมื่อเมล็ดมีความชื้นระหว่าง
5-14% ดังมีเกณฑ์ให้พิจารณาได้คร่าว ๆ ตามตารางที่ 1
อย่างไรก็ ตามเมล็ดพืชมีสภาพ Hygroscopic คือสามารถที่จะรับหรือถ่าย
ความชื้นให้กับบรรยากาศรอบ ๆ ตัวจนถึงภาวะสมดุล หากนำ
เมล็ดที่แห้งดีแล้วไปเก็บรักษาในภาพที่มีความชื้นสัมพัทธ์ของ อากาศสูง
เมล็ดก็จะดูดรับความชื้นเข้าไปและหากนำเมล็ดที่มี ความชื้นสูงไปเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นสัมพันธ์ของ
อากาศต่ำ เมล็ดก็จะคายความชื้นออก แต่เมื่อเก็บรักษาเมล็ดพืชต่างชนิดไว้ที่
สภาพความชื้นสัมพัทธ์เดียวกัน แต่ละชนิดจะมีจุดสมดุลความชื้น ที่ไม่เท่ากัน
ซึ่งจะเป็นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของโปรตีน คาร์โบไฮเดรท เซลลูโลส
และน้ำมัน ที่เป็นองค์ประกอบในเมล็ด ดังนั้น
เรื่องของความชื้นเพื่อการเก็บรักษาจึงต้องพิจารณาทั้ง 2 ประเด็นควบคู่กัน
|
4. อุณหภูมิ มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมีภายในเมล็ด
การเก็บรักษาในที่อุณหภูมิสูงจะเร่งกิจกรรมใน เมล็ดทำให้มีอัตราการหายใจสูง
ผลที่ตามมาคือเมล็ดจะสูญเสียความงอกได้เร็ว ในเรื่องนี้มีกฎที่ใช้ทั่ว ๆ ไปว่า “การลดอุณหภูมิของโรงเก็บลง 10 oF จะทำให้อายุการเก็บรักษาเพิ่มขึ้นเป็น
2 เท่า” ซึ่งจะใช้ได้ดีในช่วงของ
อุณหภูมิระหว่าง 32oF – 122 oF เช่นกัน
อิทธิพลของอุณหภูมิและความชื้นที่มีต่ออายุในการเก็บรักษา สามารถ
ชดเชยและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น
เมล็ดที่มีความชื้นต่ำที่เก็บรักษาไว้ที่อากาศร้อนอาจจะมีชีวิตอยู่ได้นาน
พอกันกับเมล็ดที่มีความชื้นสูง แต่เก็บในที่เย็น
ในสภาพที่ทั้งร้อนและชื้นนอกจากจะไม่มีผลดีกับเมล็ดแล้ว กรณีที่
ความชื้นของเมล็ดสูงถึง 12-14% จะเอื้ออำนวยต่อการเจริญของเชื้อรารวมทั้งการเกิดพิษจากสารเคมีที่ใช้คลุกเมล็ด
(ตารางที่ 2) สภาพที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บรักษาคือ
พยายามลดความชื้นของเมล็ดให้ต่ำแล้วเก็บในที่อากาศเย็น และ แห้ง
ซึ่งยังมีกฎข้อสุดท้ายเพิ่มเติมอีกว่า สภาพเก็บรักษาดีที่สุดควรให้มีผลบวกของความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิ
(เป็น oF) ไม่เกิน 100 อย่างไรก็ตาม
การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ในเขตร้อนชื้น เช่นประเทศไทยให้มีคุณภาพดีได้
นานนับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย
เนื่องจากมีสภาพอากาศร้อนและความชื้นสัมพัทธ์ค่อนข้างสูง
เมล็ดพันธุ์จึงมีอายุการ เก็บรักษาในสภาพท้องถิ่นที่ไม่มีการควบคุมสั้นกว่าในประเทศเขตอบอุ่น
|
บทที่ 3
อุปกรณ์และวิธีดำเนินงาน
สถานที่ทำการศึกษา
บ้านนาขาม ตำบลพังทุย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
วัสดุ/อุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา
1.เครื่องปั่น
2.เศษกระดาษ
3.แม่พิมพ์ทำกระดาษ
4.ฟองน้ำ
วิธีทำการทำกระดาษรีไซเคิลจากกระดาษเหลือใช้
1.นำเครื่องปั่น ใส่น้ำสี
พร้อมด้วยเศษกระดาษ แบบตัดเป็นแผ่นเล็กๆ
2.ปั่นกระดาษให้เข้ากันกับน้ำ
จนละเอียดยุ่ย
3.เตรียมแม่พิมพ์กระดาษ
ในน้ำเทกระดาษที่ปั่นจนละเอียดลงไปและโรยเมล็ดพืชขนาดเล็กลงไป
4.ซับน้ำที่บริเวณกระดาษปั่นที่เทลงไปให้เป็นเนื้อเดียวกันและให้แห้ง
5.แม่พิมพ์ไปตากแดดให้แห้ง
ให้กระดาษเกาะกัน
วิธีการศึกษาทดลอง
1.เตรียมกระถางต้นไม้เปล่าขนาดปานกลาง
2 กระถาง
2.นำดินจากบริเวณเดียวกันมาใส่ในกระถางต้นไม้ที่เตรียมไว้
3.นำเมล็ดพืชปกติและเมล็ดพืชจากกระดาษปลูกได้มาปลูกลงในกระถางต้นไม้ที่
1และ2 ตามลำดับ
4.เมื่อเมล็ดพืชเจริญเติบโตได้
15 วัน นำปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 มาใส่ในกระถางทั้งสอง
5.เมื่อผ่านไป 5
วัน สังเกตและบันทึกผลที่ได้
6.เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน
7.ทดลองซ้ำตั้งแต่ข้อ
1-6 เพื่อความแน่ใจ
บทที่ 4
ผลการศึกษาทดลอง
ตารางบันทึกผลการทดลอง
|
วัน/เดือน/ปี
|
เวลารดน้ำ
|
ผลการเจริญเติบโตของพืช
|
หมายเหตุ
|
||
|
เช้า
|
เย็น
|
เมล็ดพันธุ์ทั่วไป
|
เมล็ดพันธุ์จากกระดาษ
|
||
|
1 /ก.ค./59
|
6:30
|
16:45
|
เริ่มปลูก
|
เริ่มปลูก
|
|
|
2 /ก.ค./59
|
6:35
|
16:41
|
ยังไม่เกิด
|
ยังไม่เกิด
|
|
|
3 /ก.ค./59
|
6:40
|
16:56
|
|
||
|
4 /ก.ค./59
|
6:43
|
16:34
|
เริ่มงอก
|
เริ่มงอก
|
|
|
5 /ก.ค./59
|
6:32
|
16:45
|
|
||
|
6 /ก.ค./59
|
6:40
|
16:41
|
|
||
|
7 /ก.ค./59
|
6:30
|
16:43
|
เริ่มมีใบ
|
เริ่มมีใบ
|
|
|
8 /ก.ค./59
|
6:45
|
16:24
|
เจริญเติบโต 5
cm
|
เจริญเติบโต
5 cm
|
|
|
9 /ก.ค./59
|
6:32
|
16:58
|
เจริญเติบโต
5.5 cm
|
เจริญเติบโต
5.5 cm
|
|
|
10
/ก.ค./59
|
6:33
|
16:35
|
เจริญเติบโต
5.9 cm
|
เจริญเติบโต
5.9 cm
|
|
|
11/ก.ค./59
|
6:44
|
16:55
|
เจริญเติบโต 6
cm
|
เจริญเติบโต
6 cm
|
|
|
12/ก.ค./59
|
6:36
|
16:33
|
เจริญเติบโต
6.5 cm
|
เจริญเติบโต
6.3 cm
|
ใส่ปุ๋ยเคมี
|
|
13/ก.ค./59
|
6:25
|
16:54
|
เจริญเติบโต
7.2cm
|
เจริญเติบโต
6.7 cm
|
|
|
14/ก.ค./59
|
6:33
|
16:45
|
เจริญเติบโต 8
cm
|
เจริญเติบโต
7.2 cm
|
|
|
15/ก.ค./59
|
6:45
|
16:23
|
เจริญเติบโต 9
cm
|
เจริญเติบโต
8.2 cm
|
|
|
16/ก.ค./59
|
6:56
|
16:35
|
เจริญเติบโต
10 cm
|
เจริญเติบโต
9.2 cm
|
|
|
17/ก.ค./59
|
6:34
|
16:
35
|
เจริญเติบโต
11 cm
|
เจริญเติบโต
10.3 cm
|
|
|
18/ก.ค./59
|
6:43
|
16:53
|
เจริญเติบโต
12 cm
|
เจริญเติบโต
11.3 cm
|
|
|
19/ก.ค./59
|
6:37
|
16:55
|
เจริญเติบโต
13 cm
|
เจริญเติบโต
12.3 cm
|
|
|
20/ก.ค./59
|
6:46
|
16:34
|
เจริญเติบโต
14 cm
|
เจริญเติบโต
13.5 cm
|
|
บทที่ 5
สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง
กระดาษปลูกได้ ผลการศึกษาพบว่า
พืชที่นำเมล็ดมาจากกระดาษจะมีการเจริญเติบโตที่ใกล้เคียงกันกับเมล็ดพืชปกติ
แต่เมล็ดพืชปกติจะมีอัตราการเจริญเติบโตมากกว่าพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นจึงสรุปผลการทดลองครั้งนี้ได้ว่า เมล็ดพืชจากกระดาษปลูกได้ที่ใช้งานเสร็จแล้ว
สามารถที่จะนำมาปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้
แม้ว่าเมล็ดพืชจากกระดาษปลูกได้จะมีอัตราการเจริญเติบโตช้ากว่าเมล็ดพืชปกติเพียงเล็กน้อยก็ตาม
5.2 อภิปราย
การศึกษาโครงงานวิจัยเรื่อง
กระดาษปลูกได้ คณะผู้จัดทำได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่า
1.เมล็ดพืชที่จะนำมาเป็นส่วนผสมในการทำกระดาษนั้นควรจะเป็นเมล็ดพืชที่มีขนาดเล็ก
เพราะเมล็ดพืชที่มีขนาดเล็กจะสามารถผสมลงไปในกระดาษได้ดีกว่าเมล็ดพืชที่มีขนาดใหญ่
ดังนั้นเมล็ดพืชที่มีขนาดเล็กจึงเหมาะแก่การนำมาทำกระดาษปลูกได้
2.การทำกระดาษปลูกได้ควรที่จะทำในช่วงที่มีแสงแดดจัด
เพราะช่วงที่มีแสงแดดจัดจะทำให้กระดาษแห้งเร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นช่วงที่มีแสงแดดจัดจึงเหมาะแก่การทำกระดาษที่สุด
5.3 ข้อเสนอแนะ
ควรที่จะศึกษารายละเอียดของวัตถุดิบในการทำอย่างละเอียด


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น